ใช้เครื่องสำอางอย่างไรให้ปลอดภัย
ปัจจุบันผู้หญิงไทยให้ความสำคัญต่อรูปลักษณ์ของตัวเองมากกว่าในอดีต ยกตัวอย่างเช่น ทั้งด้านการแต่งกาย หรือแม้กระทั่งด้านการแต่งหน้าเพื่อให้ตนเองมีความโดดเด่น เพื่อให้ตนเองเป็นจุดสนใจต่อผู้ที่พบเห็น จึงทำให้เครื่องสำอางมีบทบาทมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลให้ตลาดในประเทศไทยที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางเติบโตมากขึ้นทุกๆปี อีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนนำให้มีผู้บริโภคใช้เครื่องสำอางเป็นจำนวนมากก็เพราะว่า เกณฑ์เฉลี่ยอายุของคนไทยที่เริ่มใช้เครื่องสำอางนั้นพบว่าเด็กไทยเริ่มใช้เครื่องสำอางกันตั้งแต่อายุยังน้อยๆ เป็นผลให้ผู้ผลิตมีการปรับวิธีการผลิตให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่า หากใช้แล้วปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อบุตรหลานหรือต่อตนเอง
ในการผลิตเครื่องสำอาง สิ่งที่สำคัญที่สุดที่องค์การอาหารและยาได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คือส่วนผสมที่นำมาประกอบ เพื่อเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ในปัจจุบันมีผู้ผลิตที่มักง่ายใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมาเป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องสำอาง โดยสารเคมีต่างๆเหล่านั้นอาจเป็นอันตรายไม่เฉพาะแต่ผิวเท่านั้นแต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สารเคมีเหล่านั้นได้แก่
- สารปรอท มักจะพบมากในเครื่องสำอางที่ทำให้สีผิวจางลง เป็นที่นิยมของผู้บริโภคที่มีปัญหาเรื่อง ฝ้า กระหรือจุดด่างดำ ถ้าผู้บริโภคมีอาการแพ้อาจมีผลให้ถึงแก่ชีวิตได้ หรือสะสมในร่างกาย หากสะสมมากๆเข้า อาจเกิดอาการทางระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ หรือระบบการมองเห็นการได้ยินเสียไปได้
- สารตะกั่ว เป็นสารที่พบบ่อยในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชนิดทา หากสะสมเข้าสู่ร่างกายมากๆจะไปลดอัตราการสร้างเม็ดเลือดแดง เกิดเป็นอัตรายถึงแก่ชีวิตได้
- สารพาราเบล นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในครีมทาผิว และโรลออนระงับกลิ่นกาย เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย หากสะสมมากๆในร่างกายอาจเกิดเป็นมะเร็งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเต้านม
- สารทาล พบมากในแป้งตลับ หรือบลัชออนและอายชาโดว์ชนิดฝุ่น เพื่อเพิ่มความเรียบเนียนของใบหน้า และป้องกันไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อน หากสะสมมากๆเข้าอาจทำให้เกิดมะเร็งได้
- Petroleum Derivative เป็นสารตัวทำละลายในการแยกน้ำมันปิโตเลี่ยม ซึ่งสารนี้จะทำหน้าทิ่ในการบล้อคความชุ่มชื่น พบมากในโฟมล้างหน้า ครีบมรองพื้น และครีมบำรุงผิว และเนื่องจากสารเคมีตัวนี้มีโมเลกุลขนาดใหญ่ อาจทำให้ผิวหน้าระคายเคือง จนเป็นเหตุให้ผิวหน้าแก่ก่อนวัยได้
ดังจะเห็นได้ว่าเครื่องสำอาง หากซื้อไปเรื่อยเปื่อย การผลิตไม่มีคุณภาพ และไม่ได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาแล้ว อาจก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้ โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่ใช้เป็นประจำ จนเคยมีคนตั้งปัญหาถามว่า ในสมัยโบราณเค้าใช้อะไรแต่งหน้าและบำรุงผิวกัน ผมว่าคงไม่พ้นการใช้สมุนไพรไทยในการแต่งหน้า
ในอดีตประเทศ อียิปต์ อินเดีย และจีน มีการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืชและสัตว์ สำหรับประเทศไทย เป็นประเทศที่มีสมุนไพรอุดมสมบูรณ์มาก และปลูกกันหลากหลายชนิด ทำให้มีนักวิทยาศาสตร์ได้ ผลิตคิดค้นเครื่องสำอางที่ทำมาสารสกัดมาจากสมุนไพรธรรมชาติและผลไม้ต่างๆ ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผม บำรุงผิว ออกมาสู่ท้องตลาด อันได้แก่
- เครื่องสำอาง ที่มีกลิ่นนั้น ผู้ผลิตนิยมผลิตมาจากมะลิ กุหลาบ กระดังงา จำปี จำปา และกล้วยไม้บางชนิด รวมถึงขิง ข่า ตะไคร้ และพืชตระกูลส้มทั้งหมด
- เครื่องสำอาง ประเภทบำรุง และทำความสะอาดผิว นิยมผลิตจาก แตงกวา มะเขือเทศ กล้วยหอม ส้ม มะนาว มะขาม และแอปเปิ้ล
- เครื่องสำอาง ประเภทบำรุง และทำความสะอาดเส้นผม ได้แก่ มะเขือเทศ ฝักและใบส้มป่อย มะกรูด สาหร่ายทะเล ฮ้อพส์ และสะระแหน่ฝรั่ง
- สีที่ใช้ย้อมผม ผลิตจาก มะขามแขก เทียนกิ่ง ดอกคูน และคราม
แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่มีผู้นิยมเครื่องสำอางที่ผลิตจากสมุนไพร เหล่านี้เนื่องจากยังไม่แน่ใจในความปลอดภัย ทำให้เครื่องสำอางจากธรรมชาติเหล่านี้ ทั้งๆที่ มีการส่งออกเครื่องสำอางที่ผลิตจากธรรมชาติสู่ประเทศต่างๆ อันได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และประเทศอินโดนีเซีย แล้ว เราชาวไทยถึงเวลาแล้วหรือยังเปลี่ยนรสนิยมในการใช้เครื่องสำอาง
ที่มา : http://www.sakurabag.net/article